วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีสื่อความปรารถนาทางอารมณ์โดยไม่ต้องพูด




มนุษย์เรามีความต้องการทางเพศ ผู้หญิงเราเองก็เช่นกัน มีวินาทีความอยากโดนสุดๆ แต่เรามักจะไม่กล้าเอื้อนเอ่ยกับชายให้บำบัดความต้องการของเรา เพราะมันน่าอายและรู้สึกกระดากปากเกินไปที่จะชวนชายมาเล่นจ้ำจี้กันบนเตียง แต่งานนี้เรามีวิธีสื่ออารมณ์ความต้องการเราแบบออกท่าแต่ไร้เสียงมาชวนเขาสร้างความสุขสนุกกับความสำราญกันค่ะ ...

       
ผู้หญิงกับการแตะต้องตัวชายเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่น่ารังเกียจอยู่แล้ว แต่การสัมผัสเพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกว่าคุณต้องการเขานั้น ต้องอาศัยการสื่อความตามอารมณ์ที่ค่อนข้างจะยั่วยวนเล่นอารมณ์กับส่วนกายของเขาที่ไวต่อความรู้สึก แบบลูบไล้เขาเข้าที่ต้นขาเลยขึ้นมาที่ช่วงท้อง ก่อนที่จะช้อนอารมณ์ต่ำลงมาใกล้เป้าเพื่อเกาอารมณ์ให้เขานั้นตื่นแบบเฉียดไปไถมา อย่าโดนจะจะเป็นเด็ดขาด เพราะจะดูเป็นการจงใจไป หากคุณทราบว่าจุดใดของเขาสามารถจุดอารมณ์ของคุณได้ดีก็เร้าหรือจุดนั้นเลยค่ะ แล้วคุณจะได้สิ่งที่ต้องการโดยพลัน

       
ดักทางอารมณ์ของเขาว่าคืนนี้ห้ามเขาดูฟุตบอลเป็นเด็ดขาด แต่คุณจะจัดหนังสยองอารมณ์มาปลุกอารมณ์ผวาของเขาแทน แต่ดูไปครึ่งค่อนเรื่องก็ยังไม่เห็นผีออกมาอาละวาดสักคนหนึ่ง มีแต่พระเอกนางเอกชวนกันเล่นผีผ้าห่มนัวเนียซี้ดซ้าดสุดฤทธิ์ เขาไม่หันมาชวนคุณเล่นกันนอกจอบ้างก็เกินไปล่ะ

      
นอกจากชุดวันเกิดแล้ว ก็คงไม่มีชุดเสื้อผ้าใดที่ร้อนแรงและทำให้ลุคส์ของคุณ "ฮอต" เท่าชุดนอนแนบเนื้อสีสดใสที่ตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ โชว์ผิวเนียนๆ ของคุณให้เป็นขวัญตาของเขา แต่ที่พิเศษและเอาใจเขาสุดๆ ก็คือคุณจะเป็นสาวขี้ร้อนที่คืนนี้จะนอนคลุมกายด้วยชุดนอนตัวนี้เพียงตัวเดียว ปราศจากชั้นใจและอันเดอร์แวร์ใด มาบดบังสายลมเย็นๆ และสายตาสุดหื่นของเขา ซึ่งเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วคุณคงไม่เหลือแม้ชุดนอนห่มกาย เพราะเขาจะเปลือยมันออกอย่างแน่นอน

แม้ชุดกระโจมอกจะเป็นอะไรที่ออกบ้านๆ ก็ตาม แต่กลับเสริมเสน่ห์ให้คุณดูเซ็กซี่ ยั่วยวน ขี้เล่นเป็นที่สุด แต่ขออย่างเดียวก็คืออย่าได้ฉวยเอาผ้าชิ้นลายคุณป้าที่มีลายหรือดอกดวงเหมาะแก่การเข้าวัดทำบุญเป็นเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ดึงความเซ็กซี่เสน่ห์ทางเพศแล้ว มันก็ยังทำให้คุณดูงอมกว่าอายุจริงอีกต่างหาก นอกจากนี้การนุ่งกระโจมอกยังเป็นการส่งสัญญาณให้เขารับรู้ด้วยว่าคุณกำลังจะเข้าไปอาบน้ำชำระกาย และด้วยดีไซน์เย้ายวนที่เผยอกโชว์เต้าของกระโจมอกที่คุณสวมอยู่นั้น จะเป็นอะไรที่กวนอารมณ์เขาจนอดรนทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้คุณอาบน้ำเหงากายแต่เพียงลำพัง เลยอาสาอาบเป็นเพื่อนด้วยคน

       
คุณทราบดีว่าอารมณ์ของเขาคงเตลิดเปิดเปิง หากยิ่งมีสิ่งยั่วยุอารมณ์ของเขา ซึ่งไม่ยากเลยที่จะวางอุบายปลุกอารมณ์ความใคร่ของเขาด้วยการใช้ภาพถ่ายแฟชั่นอันเซ็กซี่ในแมกกาซีนผู้หญิงที่เน้นความเซ็กซี่เย้ายวนชวนฝันเท่านั้น แนวเด็กแนวเน้นความแปลกประหลาดนั้นต้องขอร้องเลยว่าอย่า เพราะมันจะทำให้เขากลัวมากกว่าที่จะส่งเสริมอารมณ์และยั่งยุราคะไฟตัณหาของเขา วางภาพเซ็กซี่ดังกล่าวในที่ที่เขาขลุกตัวอันเป็นมุมประจำ ไม่ว่าจะเป็นห้องทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกหรือแม้แต่ในห้องน้ำที่ที่เขาน่าจะหยิบภาพอันวาบหวามอารมณ์เหล่านี้ขึ้นมาพินิจพิจารณา ยิ่งเห็นภาพอย่างว่ายิ่งเกิดความกำหนัดความคึกคักในอารมณ์ทางเพศ และในนาทีนั้นเขาคงจะโหยหาและต้องการตัวคุณที่สุดเลย

      
ท่าทางหรืออาการใดที่ทำให้ชายหลงจินตนาการสานความรู้สึก สื่อไปยังเรื่องบนเตียงได้อย่างไม่น่ารังเกียจหรือเกินความเป็นผู้หญิงน่ารัก คุณควรทำเลยค่ะ อาจจะใช้พร็อพอย่างกล้วยหอมหรือแท่งไอศกรีมมาประกอบการครอบปากโลมเลียทานอย่างเร่าร้อน จนทำให้เขาอดคิดถึงบทออรัลเซ้กซ์อันวาบหวามที่คุณปรนเปรอความสุขอย่างเต็มอิ่มให้เขาไม่ได้ หรือจะแสดงเจตนาอย่างจงใจแบบว่าสร้างจินตภาพสุดหยิวด้วยการลูบไล้ไชอารมณ์ตัวเอง จนเขาเกิดแรงบันดาลใจที่จะให้คุณหยุดการกระทำใด ๆ ทั้งสิ้นในบัดดล เพราะเขาจะเป็นฝ่ายกระทำชำเราคุณเองต่างหาก

       
ผู้ชายมักจะรู้สึกตื่นเต้นและมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของพวกเขาเอามากๆ หากสิ่งนั้นเป็นเหตุบังเอิญและเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ในเรื่องของอารมณ์และความหวั่นไหวทางเพศก็เช่นกัน ที่เขาคงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นประตูห้องน้ำถูกลืมเผลอไผลแง้มอยู่อย่างลืมปิดสนิท ขณะที่คุณกำลังเริงระบำขัดกายอยู่ในฟองสบู่ และอารมณ์ทางเพศของเขาจะแข็งดึ๋งดั๋งขึ้นมาทันที หากเขาแอบไปเห็นฉากการทำร้ายตัวเองของคุณ ซึ่งแน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยโอกาสทองเหล่านี้หลุดลอยไปหรอก โดยหารู้ไม่ว่าทุกอย่างเป็นการแสดงของคุณเองทั้งนั้น




ราคา 1200 บาท

ดูข้อมูลที่ http://pannfitleadyx.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณ วราพร แคล้วศึก

เบอร์โทร 0859083178

อีเมล์pannfit@gmail.com



วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สรรพคุณ / ประโยชน์ของทับทิมใน เลดี้โกลด์




ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด 
ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้ง

เซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ 

มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น


การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูล

อิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวะการสะสมไขมันใน

ผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาด

เลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่

ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้

ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาด

เลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกัน

การเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย


ดูข้อมูลที่ http://pannfitleadyx.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณ วราพร แคล้วศึก

เบอร์โทร 0859083178

อีเมล์pannfit@gmail.com

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผิวสวยผุดผ่องจากภายใน…สร้างได้ไม่ยาก>>>>แค่ใช้ Joel เลดี้โกลด์


นอกจากการดูแลผิวพรรณภายนอกให้สวยกระจ่างใสได้แล้ว การดูแลผิวพรรณให้สวย ผุดผ่องจากภายในก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน และอีกเช่นเคย เราไม่พลาดที่จะนำเทคนิควิธีการดูแลผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกมาฝากกันอยู่แล้วค่ะ




1.กินอาหารเพื่อสุขภาพผิว – ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ให้ผิวพรรณสามารถสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูตัวเองให้เกิดเซลล์ผิวที่แข็งแรงได้ นอกจากนี้ ผักและผลไม้ที่มีวิตามิน เกลือแร่ ที่จำเป็นต่อร่างกายยังช่วยให้ผิวกระจ่างสดใสได้ และการกินผลไม้ที่ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อย่างลูกพรุน มะละกอ ฯลฯ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่เผยผิวกระจ่างใสได้เช่นกัน




2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ –การดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เป็นการคืนอาหารผิวชั้นเยี่ยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นได้ว่าการดื่มน้ำมักทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีความชุ่มชื้นเสมอ ยิ่งสำหรับสาวผิวแห้ง แนะนำให้พกพาขวดน้ำไว้ดื่มเรื่อยๆ เพราะน้ำจะช่วยฟื้นฟูเซลล์อ่อนล้าให้เปล่งปลั่ง แข็งแรงได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายและสมองสดชื่นเต็มที่






3.นอนพักผ่อนให้เต็มอิ่ม– การนอนวันละ 7-8ชั่วโมงหรือนอนให้ร่างกายรู้สึกเต็มอิ่ม พบว่าหลังจากตื่นนอนมาแล้วผิวพรรณจะไม่เหี่ยวแห้งหรือทรุดโทรมแต่อย่างใด แต่หากเมื่อไรที่คุณนอนหลับไม่เพียงพอเมื่อนั้นคุณจะพบความหมองคล้ำ บนสภาพผิวอย่างเห็นได้ชัด ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งสดใสอย่างใจ เนื่องจากการนอนหลับให้เต็มอิ่มจะทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังไปพร้อมกันนั่นเอง




4.ออกกำลังกาย –ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกกำลังกายเป็นตัวกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่ช่วยเผยผิวพรรณสดใสให้คุณได้ หากต้องการผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ สุขภาพแข็งแรงแล้ว ผิวพรรณย่อมดีตามแน่นอน



อย่าลืมนำเทคนิควิธีดูแลผิวสวยผุดผ่องจากภายในไปใช้กันนะคะ รับรองคุณจะมีผิวพรรณสวยสมใจได้ไม่ยาก และใครที่เข้าใกล้เป็นต้องสะดุดตาไปตามๆ กันแน่นอน
    

ดูข้อมูลที่ http://pannfitleadyx.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณ วราพร แคล้วศึก

เบอร์โทร 0859083178

อีเมล์pannfit@gmail.com

สรรพคุณประโยชน์และคุณสมบัติของคลอลาเจน





1.เป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย

2.เพิ่มความยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล รู้ขุ่มขนตื่นขึ้นและกระชับให้กับผิวหนัง

3.เพิ่มความแข็งแรง  เรียบเนียน  ให้ความชุ่มชื้นป้องกันการเกิดริ้วรอย  เหยี่วหย่น

4.ช่วยให้การทำงานบริเวณข้อต่อ กระดูกอ่อนเป็นไปอย่างปกติ


5.ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ และข้อยึด รวมถึงป้องกันข้ออักเสบข้อเสื่อมในผู้สูงอายได้


ติดต่อสอบถาม 085-9083178 วราพร


ดูข้อมูล  http://pannfitleadyx.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พิษภัยของแอลกอฮอล์กับคุณผู้หญิงชอบดื่ม







ตับถือเป็นอวัยวะที่เสี่ยงต่อพิษภัยของแอลกอฮอล์อย่างมาก ระยะเวลา และปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป มีผลโดยตรงต่อตับ ยิ่งถ้าดื่มนานต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า ๑๐ ปี ขึ้นไป ยิ่งมีโอกาสที่ตับจะเกิดปัญหาจากแอลกอฮอล์ได้ แม้กระนั้นก็ตาม ในบางรายอาจใช้เวลาไม่ถึง ๑๐ ปี หากปริมาณที่บริโภคนั้นค่อนข้างสูง โดยทั่วไปแอลกอฮอล์ จะทำให้เกิดอันตรายต่อตับในผู้หญิงได้ง่าย กว่าในผู้ชาย แม้จะดื่มในปริมาณที่น้อยกว่า ก็ตาม ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยทางด้านฮอร์โมนบางชนิด โรคตับที่เกิดจากผลของแอลกอฮอล์ แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ โรคไขมันสะสม ในตับจากแอลกอฮอล์ โรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ และโรคตับแข็ง


ภาวะนี้พบได้เป็นส่วนใหญ่ในผู้ที่ดื่มจัด แต่ถ้าหยุดดื่มแล้ว จะสามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ภาวะนี้เกิดจากความผิดปกติของการเผาผลาญ และการสร้างไขมัน อันเป็นผลมาจากแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเซลล์ตับ ทำให้เซลล์บวม ตับโต บางครั้งอาจมีอาการกดเจ็บร่วมด้วย โดยทั่วไปภาวะนี้มักไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็น ทำให้เป็นผลเสียต่อผู้นั้น เนื่องจากไม่มีสัญญาณคอยบ่งเตือนว่า ร่างกายกำลังมีปัญหา ทั้งๆ ที่ความผิดปกติกำลังดำเนินอยู่ แต่ถ้าเกิดภาวะนี้อย่างรุนแรง ก็จะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกว่า ดีซ่าน ท้อง บวมน้ำ และบวมตามแขนขาร่วมด้วยได้ ผู้ที่เกิดภาวะนี้ อาจยังไม่รุนแรงถึงขั้นกลายเป็นโรคตับแข็ง ซึ่งต่างจากผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ ที่มีวามเสี่ยงสูงมาก ที่จะกลายเป็นโรคตับแข็งในที่สุด


แอลกอฮอล์ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับ ทำให้เกิดการเสื่อม และการตายของเซลล์ การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ต่างๆ เหล่านี้ มีผลทำให้โครงสร้างของเซลล์ตับผิดรูปร่าง ซึ่งเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่นำไปสู่โรคตับแข็ง อาการของผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบนี้จะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ไม่มีอาการ มีอาการในระดับน้อย จนถึงอาการรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิตได้ โดยทั่วไปแล้วอาการมักประกอบด้วยปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักลด อึดอัดในท้อง และตัวเหลืองตาเหลือง บางรายมีไข้สูงร่วมด้วย เมื่อตรวจร่างกายมักจะพบว่ามีตับโตและ กดเจ็บ ประมาณ ๑ ใน ๓ จะพบม้ามโต ในรายที่เป็นรุนแรงจะพบภาวะท้องบวมน้ำ เลือดออก แขนขาบวม และมีอาการสับสน เนื่องจากสมองร่วมด้วยได้ ถึงแม้ว่าเมื่อหยุดบริโภคแอลกอฮอล์ไปแล้ว จะทำให้อาการตัวเหลืองตาเหลือง ท้องบวมน้ำ หรือภาวะสับสนดีขึ้นก็ตาม แต่หากยังบริโภคแอลกอฮอล์ต่อไปอีก ก็จะนำไปสู่การอักเสบของตับต่อไปได้เรื่อยๆ ในบางรายกว่าจะฟื้นตัวจากการอักเสบต้องใช้เวลานานมากประมาณ ๖ เดือน หรือมากกว่า ภาวะนี้จัดได้ว่าเป็นภาวะเบื้องต้นที่นำไปสู่การเกิดตับแข็งในโอกาสต่อไป


ถ้าการบริโภค แอลกอฮอล์ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เซลล์ตับจะมีการถูกทำลายมากขึ้น ในที่สุด ตับจะฝ่อ เกิดภาวะที่เรียกว่า ตับแข็ง ส่วนใหญ่แล้ว ใช้เวลานานประมาณ ๑๐ ปี ผู้ที่เกิดภาวะนี้ จะมีอาการเบื่ออาหารผ่ายผอม ลักษณะแบบคนขาดอาหาร อ่อนเพลีย เลือดออกง่าย เกิดรอย ช้ำตามตัวได้ง่าย เมื่อเกิดภาวะตับแข็ง จะทำให้การไหลเวียนของโลหิตในตับ เป็นไปด้วยความลำบาก ทำให้ความดันในหลอดเลือดสูงขึ้น เกิดเส้นเลือดโป่งพอง อาจเป็นในบริเวณหลอดอาหาร ซึ่งเสี่ยงต่อการอาเจียนออกมาเป็นเลือด นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดภาวะน้ำในช่องท้องมากขึ้น ท้องจะบวมน้ำ โดยปกติแล้วตับจะทำหน้าที่กำจัดของเสียในร่างกาย เมื่อเกิดภาวะตับแข็ง จะทำให้ตับทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดี ผลที่ตามมาก็คือ ภาวะตับวาย และการทำงานของสมองสับสนได้ ถึงแม้ว่าโรคตับแข็งจะเป็นโรคที่มีการดำเนินโรคอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม ร่วมไปกับการหยุดดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด อาจทำให้การดำเนินของโรคหยุด ลงได้ ส่งผลให้สภาพการทำงานของร่างกายที่ดีขึ้น


แอลกอฮอล์มีผลโดยตรงต่อหลอดอาหารและ กระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบ เป็นแผล คลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงอาเจียนเป็นเลือดได้ ยิ่งถ้าเกิดตับแข็ง ซึ่งทำให้หลอดเลือดของหลอดอาหารโป่งพอง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น โอกาสที่จะอาเจียนเป็นเลือดจำนวนมาก จนถึงแก่ชีวิตก็ยิ่งสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ การบริโภคแอลกอฮอล์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง จะมีผลต่อตับอ่อนได้ ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่าง รุนแรง และอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อ ตับอ่อนอย่าง ถาวรได้


แอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากจะมีผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นระบบภูมิต้านทานอย่างหนึ่งของร่างกาย ทำให้สมรรถภาพในการกำจัดเชื้อโรคเสื่อมถอยลง มีผลทำให้เกิดสภาพร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อได้ง่าย และรุนแรง นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดอีกด้วย ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง และการแข็งตัวของเลือดผิดปกติไป


แอลกอฮอล์จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่บริโภคตั้งแต่ ๓ ดริงก์ต่อวัน ซึ่งหากยังมีการบริโภคอย่างต่อเนื่องในลักษณะเช่นนี้ไปนานๆ จะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ นอกจากนี้แล้ว แอลกอฮอล์ยังทำให้คอเลสเทอรอล และไตรกลีเซอไรด์เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ทั้งในสมองและหัวใจ อีกทั้งแอลกอฮอล์ยังเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง บางครั้งอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายอย่างถาวรได้ ประมาณว่า ๑ ใน ๓ ของผู้ป่วยที่เป็นโรคของกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นผลมาจากการบริโภค แอลกอฮอล์ในปริมาณที่มาก อาจทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติได้ แม้ในผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อนก็ตาม


อัตราการเกิดมะเร็งจะพบได้สูงในผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะโรคมะเร็งของหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของตับ ลำไส้ใหญ่ และปอดด้วย โดยสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง อาจเกิดจากการที่แอลกอฮอล์ มีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมลง และจากการที่แอลกอฮอล์เป็นพิษต่ออวัยวะเหล่านี้โดยตรง ถึงแม้จากการศึกษาจะพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ในผู้ที่ติดเหล้า จะเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจก็ตาม แต่การเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในคนเหล่านี้ ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยทีเดียว สถิติที่ได้จากการศึกษาต่างๆ พบว่า ผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ ๑.๕ ดริงก์ต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้ ๑.๔ เท่า และการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ ๔ ดริงก์ต่อวัน ในทั้งเพศหญิงและชายจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของหลอดอาหาร และช่องปากประมาณ ๓ เท่า หากปริมาณการดื่มเพิ่มขึ้นเป็น ๗ - ๘ ดริงก์ต่อวัน ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น ๕ เท่า โดยสรุปแล้ว คาดการณ์ได้ว่า ผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ จะพบการเกิดโรคมะเร็งของระบบต่างๆ สูง เป็น ๑๐ เท่าของคนปกติทั่วไป


หลายคนมีความเชื่อว่า แอลกอฮอล์ช่วยทำให้หลับสบาย และหลายคนบริโภคแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้ตนเองหลับได้ดีขึ้นเป็นประจำ ความจริงแล้ว แอลกอฮอล์มีผลต่อการนอนหลับมากกว่าที่คิด คือ แอลกอฮอล์ ทำให้เกิดความรู้สึกง่วงได้จริง เมื่อเริ่มดื่มในช่วงแรกๆ หลังจากนั้น เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย และถูกเผาผลาญโดยตับ จะทำให้เกิดสารเคมีตัวใหม่ ซึ่งสารเคมีตัวนี้ มีผลกระตุ้นสมองทำให้เกิดการตื่น ดังนั้น ในครึ่งคืนแรกของการนอนอาจจะหลับได้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่คุณภาพการนอนในช่วงครึ่งคืนหลัง จะถูกรบกวนอย่างมาก และเมื่อมีการใช้แอลกอฮอล์เป็นประจำทุกวัน จะก่อให้เกิดภาวะติดแอลกอฮอล์ขึ้น นั่นคือ เมื่อไม่ได้ดื่ม หรือลดปริมาณการดื่มลง จะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย กระสับกระส่าย จนต้องหันมาพึ่งแอลกอฮอล์ เพื่อระงับอาการเหล่านี้ จนกลายเป็นวงจรของการติดแอลกอฮอล์ไป นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำให้สมอง ที่เกี่ยวข้องกับการนอนนั้นเสื่อมลง ทำให้คุณภาพการนอนด้อยตามไปด้วย แม้ว่าจะหยุดดื่มแล้วก็ตาม จึงสรุปได้ว่า การบริโภคแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยการนอนหลับนั้น กลับจะยิ่งเพิ่มปัญหาให้เกิดโรคนอนไม่หลับตามมาได้


ประมาณร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่ดื่มจัด จะเกิดอาการชา ปวด หรือเจ็บตามปลายมือปลายเท้าทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นผลโดยตรงของแอลกอฮอล์ และภาวะพร่องวิตามินที่มีต่อระบบปลายประสาท ในบางคนอาจมีอาการลักษณะนี้อย่างถาวรได้ แม้จะหยุดดื่มไปแล้ว ก็ตาม


ผู้ที่บริโภคแอลกอฮอล์จนติดนั้น อาจเกิดอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงคนมาพูดต่อว่า ทำให้เกิดอาการหวาดกลัว หวาดระแวง ควบคุมตัวเองไม่ได้ หรืออาจมีอาการสับสน เพ้อ จำเวลา สถานที่ และบุคคลไม่ได้ จำกลางวันสับสนกับกลางคืน จำคนรอบข้างใกล้ชิดไม่ได้ ประสาทหลอน เห็นภาพต่างๆ ที่ทำให้กลัว อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากหยุดหรือลดปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ลง ภายใน ๑ - ๓ วัน บางรายอาจเกิดอาการชักนำมาก่อน ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น จะเป็นตัวบ่งบอกว่า สมองได้รับพิษจากแอลกอฮอล์ถึงระดับที่รุนแรงแล้ว นอกจากนี้ ภาวะขาดแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดอาการหูแว่วเพียงอย่างเดียวได้ โดยมีอาการประสาทหลอนคิดว่า มีคนคอยจ้องที่จะทำร้าย ก่อให้เกิดอาการหวาดระแวง กลัวถูกฆ่า และควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง หรือจับผู้อื่นเป็นตัวประกัน อาการทางจิตต่างๆที่กล่าวมานี้ พบได้สูงถึงร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่ติดแอลกอฮอล์


จากการที่วิตามินบี ๑ ลดน้อยลง เนื่องจากการบริโภคแอลกอฮอล์ และจากการที่แอลกอฮอล์มีพิษต่อเซลล์สมองโดยตรง ทำให้ผู้ติดแอลกอฮอล์เกิดอาการสมองเสื่อมได้ โดยความจำจะบกพร่องอย่างชัดเจน การตัดสินใจ และการใช้เหตุผลผิดพลาด หรือบกพร่องไป ทักษะในการคิดก็เสื่อมลงตามตัวไปด้วย ในบางรายหากได้รับการรักษาไม่ทัน อาจทำให้กลายเป็นโรคสมองเสื่อมอย่างถาวร ได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังไปมีผลต่อสมองส่วนเล็กที่เรียกว่า ซีรีเบลลัม (cerebellum) ทำให้สมองส่วนนี้เสื่อมลง ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการทรงตัว ทำให้การยืน และการเดินไม่มั่นคง


สำหรับผู้ชาย การดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง มีผลทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงได้ ในบางรายจะทำให้ลูกอัณฑะ และท่อนำเชื้อฝ่อ ทำให้ปริมาณน้ำอสุจิ และตัวอสุจิ ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นหมัน ส่วน

ผลของแอลกอฮอล์ต่อเด็กในครรภ์

ได้พบความสัมพันธ์อย่างชัดเจน ระหว่างผลเสียของการดื่มแอลกอฮอล์ในขณะตั้งครรภ์ กับความผิดปกติของทารก ที่คลอดจากมารดาที่ติดแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์สามารถผ่านรกไปสู่เด็กในครรภ์ได้ง่าย ซึ่งอาจมีผลทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์มารดา และเกิดการแท้งได้ นอกจากนี้ ทารกที่คลอดจากมารดาซึ่งดื่มแอลกอฮอล์อาจพบความผิดปกติต่างๆ เหล่านี้ได้ เช่น ภาวะปัญญาอ่อน กะโหลกศีรษะเล็ก น้ำหนักแรกคลอดต่ำ และน้ำหนักตัวในช่วงพัฒนาการน้อยผิดปกติ ร่างกายเล็ก มีความผิดปกติของใบหน้า และในขณะที่เด็กโตขึ้น สามารถพบปัญหาทางพฤติกรรมต่างๆ เช่น สมาธิสั้น มีความบกพร่องในการใช้สติปัญญา นอกจากนี้ ยังสามารถพบความผิดปกติของหัวใจโดยกำเนิดได้ โดยความผิดปกติต่างๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นอย่างถาวร และเนื่องจากข้อมูลในปัจจุบันนี้ยังไม่พบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์ ในระดับปลอดภัย ที่จะไม่ทำให้เกิดผลต่างๆ ต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น การดื่มแอลกอฮอล์ ในระหว่างการตั้งครรภ์ จึงควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง



เมื่อบริโภคแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากจะทำให้เกิด การติดขึ้น โดยการติดนั้น แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ติดทางกาย และติดทางใจ ลักษณะของการติดทางกาย จะสังเกตได้ เมื่อมีการหยุดดื่ม หรือลดปริมาณการดื่มลงภายใน ๒๔ ชั่วโมง คือ จะเกิดอาการกระสับกระส่าย หงุดหงิด มือสั่น นอนไม่หลับ ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน และในบางคนจะได้ยินเสียงแว่ว ประสาทหลอน สับสน และชักได้ ส่วนลักษณะของการติดทางใจนั้น จะสังเกตได้ว่า มีอาการของความอยากอยู่เรื่อยๆ ขาดไม่ได้ ต้องพยายามหามาบริโภค แม้ว่าจะเสี่ยงต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็ตาม เมื่อผู้นั้นเกิดการติดแอลกอฮอล์แล้วก็จะกลายเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังในที่สุด โดยแอลกอฮอล์เริ่มไปมีผลต่ออวัยวะที่สำคัญต่างๆของร่างกายตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นสมอง ตับ หัวใจ และหลอดเลือด ทำให้เกิดโรคตับแข็ง ความจำเสื่อม และโรคหัวใจ การตัดสินใจและความมีเหตุผลลดลง ขาดสติ ซึ่งมีผลต่อความรับผิดชอบ และหน้าที่การงานอย่างมาก



ติดต่อสอบถาม 085-9083178 วราพร


ดูข้อมูล  http://pannfitleadyx.blogspot.com

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ยากับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ


ยา และ เซ็กซ์ พอเอ่ยถึงเรื่องยาและเซ็กซ์ขึ้นมา หลายคนมักจะคิดไปถึง ยาปลุกเซ็กซ์ หรือยาบำรุงกำลังทางเพศ เนื่องจากเวลาคนเราเกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือเซ็กซ์เสื่อม มักจะพยายามสรรหายาดีๆ เพื่อมาแก้ไขภาวะเซ็กซ์เสื่อมให้กลับมาดีดังเดิม หารู้ไม่ว่ายาบางตัวที่คิดกันว่าน่าจะช่วยกระตุ้นอารมณ์เพศ และความต้องการทางเพศให้ดีขึ้นนั้น บางครั้งไม่ออกฤทธิ์สมดังที่คาดหมาย ซ้ำร้ายอาจไปกดอารมณ์ทางเพศของคุณอีกด้วย




ยาต่างๆ ที่เราใช้รักษาโรคทั่วไปทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นยาบรรเทาอาการคัดจมูกรักษาโรคหวัด ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ยารักษาความดันโลหิตสูง หรือแม้กระทั่ง
คนจำนวนไม่น้อยอยากทราบว่ายาที่รับประทานอยู่ว่าทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้หรือไม่ ดิฉันจึงอยากถ่ายทอดเรื่องยาที่ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพื่อให้คุณได้รับความรู้ ความเข้าใจ และรู้วิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเมื่อสงสัยว่าเกิดอาการเซ็กซ์เสื่อมจากยา และก่อนที่จะกล่าวถึงยาที่ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้น อยากจะย้ำถึง ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เสียก่อนจะได้เข้าใจว่าภาวะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรและมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง


ในเพศชาย หมายถึงภาวะที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวพียงพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ การหลั่งผิดปกติ หรือการมีความต้องการทางเพศลดลง ที่เรียกว่า Erectile Dysfunction; ED หรือ Impotence พบมากตามอายุ ร้อยละ 5 ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีจะพบได้ร้อยละ 15 ถึง 25

ในเพศหญิง หมายถึง การไม่มีความต้องการทางเพศหรือความต้องการทางเพศลดลง ไม่มีอารมณ์เวลาถูกกระตุ้นทางเพศ รู้สึกอึกอัดเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือไม่ถึงจุดสุดยอด เหล่านี้เป็นกลุ่มที่เรียกว่า Female Sexual Dysfunctionโดยไม่ขึ้นกับอายุ แต่ส่วนใหญ่เกิดในช่วงวัยทองในระยะที่ฮอร์โมนเริ่มจะลดลง

ส่วนมากภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไม่ว่าจะในเพศชายหรือหญิงมักเป็นแค่ชั่วคราว แต่หากเป็นถาวรแสดงว่าอาจจะมีสาเหตุทางด้านจิตใจหรือทางร่างกาย สาเหตุทางด้านจิตใจ ได้แก่ ความเครียด ความวิตกกังวลเกี่ยวกับงาน ครอบครัว ความกลัวความล้มเหลวทางเพศสัมพันธ์ หรือถูกตำหนิจากคู่ครองทำให้หมดความมั่นใจ จนนำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ สาเหตุทางร่างกาย เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น การมีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังที่มีผลต่อหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ หรือกล้ามเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ เช่น โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง การผ่าตัดและอุบัติเหตุที่มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปควบคุมการแข็งตัวของอวัยวะเพศ การได้รับอุบัติเหตุที่อวัยวะเพศ เส้นประสาทไขสันหลัง กระเพาะปัสสาวะ กระดูกเชิงกราน พฤติกรรมการดำรงชีวิตได้แก่ การสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา คนที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราจะเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้สูงกว่าคนปกติที่ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุรา การออกกำลังกายผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะพบภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย และการได้รับบางชนิด


มียาหลายกลุ่มที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ได้แก่
ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาที่มีผลทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเรียงตามความถี่ของรายงานการเกิดเซ็กซ์เสื่อม ดังนี้ กลุ่มยาขับปัสสาวะที่ใช้ในโรคความดันโลหิตสูง เช่น Hydrochlorothiazide, Spironolactone พบได้บ่อยที่สุด รองมาเป็น ยาในกลุ่ม Beta-blocker เช่น Propranolol, Atenolol, Metoprolol รองลงมาเป็น ยากลุ่ม Alpha-blocker เช่น Prazosin และยากลุ่มอื่นๆ เช่น Hydralazine, Methyldopa, Enalapril ตามลำดับ
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ยาที่ใช้ในการรักษาผู้ที่มีปัญหาทางจิต ส่วนใหญ่จะมีกลไกการออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทหรือสมองส่วนกลางทำให้การตอบสนองต่อสิ่งเร้าอารมณ์ลดลง เมื่อมีสิ่งกระตุ้นอารมณ์เพศเกิดขึ้น ความต้องการทางเพศจะลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง และการตอบสนองจะน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ใช้ยามาก ซึ่งเกิดได้ทั้งชายและหญิงที่ได้รับยากลุ่มนี้ แต่ชายจะมีผลทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว มีปัญหาเรื่องหลั่งได้

นอกจากนี้การรับประทานยากล่อมประสาทและยาคลายเครียดในกลุ่ม Benzodiazepine เช่น Lorazepam, Diazepam เมื่อใช้ไปนานๆ อารมณ์เพศจะลดลง หย่อนสมรรถภาพทางเพศ และอาจไม่ถึงจุดสุดยอดได้

ยาที่ใช้รักษาโรคระบบทางเดินอาหาร คนที่เป็นโรคกระเพาะลำไส้ส่วนใหญ่มักจะได้รับการรักษาด้วยยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารและยาเคลือบกระเพาะ ยาลดการหลั่งกรด เช่น Cimetidine และ Ranitidine นั้นมีผลต้านฤทธิ์กับฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อฮอร์โมนเพศชายถูกต้านฤทธิ์ความต้องการทางเพศจะลดลง เหตุการณ์นี้เกิดได้ทั้งชายและหญิง เพราะอารมณ์เพศหญิงนั้นมาจากฮอร์โมนเพศชายจำนวนเล็กน้อยที่ร่างกายสร้างขึ้น เมื่อหยุดรับประทานยาไปสักระยะหนึ่งแล้วอาการต่างๆ ก็จะกลับเป็นปกติ

ยาเคมีบำบัด และยารักษาโรคพาร์กินสัน ยาเคมีบำบัดบางตัว เช่น Flutamide, Bicalutamide หรือ ยารักษาพากินสัน เช่น Bromocriptine, Levodopa, Trihexyphenidyl จะออกฤทธิ์ต้านกับฮอร์โมนเพศชาย และทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงได้ ด้วยเหตุผลเดียวกับยาลดการหลั่งกรด

ยาบรรเทาอาการปวดและอักเสบ ยาที่ใช้บรรเทาปวดและอักเสบในคนที่เป็นโรคข้อและกล้ามเนื้อ มีรายงานว่าทำให้เกิดการหลั่งผิดปกติในเพศชาย รวมทั้งลดความต้องการทางเพศและเกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ด้วยในบางคน ตัวอย่างยาที่มีรายงาน เช่น Indomethacin, Ibuprofen, Naproxen

ยาลดน้ำมูกแก้คัดจมูก ยาลดน้ำมูกและยาบรรเทาอาการคัดจมูกบางตัว จะทำให้หลอดเลือดแดงหดตัว แต่ยานั้นมิได้ออกฤทธิ์แค่ที่โพรงจมูกเท่านั้น ยังสามารถไปออกฤทธิ์กับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศด้วย หากใช้นานๆ ก็อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงยังอวัยวะเพศลดลง เมื่อไม่มีเลือดไปคั่งบริเวณอวัยวะเพศแล้ว ในผู้ชายก็ไม่เกิดการแข็งตัว ส่วนผู้หญิงอารมณ์เพศก็จะลดลงไปด้วยเช่นกัน ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Pseudoephredine, Diphenhydramine, Hydroxyzine, Phenylephrine

เมื่อสงสัยว่ายาเป็นสาเหตุให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จะทำอย่างไร?
คุณคงสงสัยว่าแล้วจะทำอย่างไรหากสงสัยว่ายาที่กำลังรับประทานทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษา ยาอาจเป็นสาเหตุของภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่เกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ อย่าเพิ่งโทษว่ายาเป็นสาเหตุจนกว่าจะได้ปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อน และห้ามหยุดรับประทานยาที่คุณสงสัยว่าทำให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศโดยเด็ดขาด เพราะยานั้นอาจเป็นยาที่จำเป็นต่อการรักษาโรคของคุณหากขาดยาอาจทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ และเมื่อทราบแน่ชัดว่ายาที่รับประทานไม่ใช่สาเหตุของการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางของระบบทางเดินปัสสาวะ(Urologist) ทั้งนี้เพื่อค้นหาสาเหตุว่าอะไรที่เป็นต้นตอของปัญหา และทำการรักษาต่อไป


ติดต่อสอบถาม 085-9083178 วราพร


ดูข้อมูล  http://pannfitleadyx.blogspot.com